ขายของออนไลน์ ช่องทางไหน เหมาะกับมือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ
อันดับหนึ่งเลยก็คือ Facebook เพราะว่าสำหรับประเทศไทยแล้ว Facebook เป็น เว็บที่มีคนเข้ามากที่สุดในประเทศไทย (ที่มา similarweb) และมี active user ของคนไทยอยู่ถึง 45 ล้าน user เลยทีเดียว ถือว่าเป็น Application ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ปกติเราจะใช้กัน Facebook กันในบัญชีส่วนตัว แต่ว่าถ้าจะขายของออนไลน์ก็ควรสร้างเป็น Facebook Page เพื่อให้สามารถซื้อโฆษณาใน Facebook ได้ และให้ทีมงานได้ช่วFacebook ยกันตอบลูกค้าได้ด้วย
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การใช้ Facebook Page
- การโพสต์ขายของ โพสต์ยังไงให้น่าซื้อ
- การซื้อโฆษณา
- การคุยแชทตอบลูกค้า
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับ 2 คือ LINE หรือ Application ที่เราใช้คุยสื่อสารกัน โดย LINE ก็คล้ายๆ กับ Facebook ก็คือปกติเราจะใช้บัญชีส่วนตัว ซึ่งสามารถนำมาใช้ขายของได้เหมือนกัน แต่สำหรับธุรกิจแล้ว LINE ก็มี Line@ ที่เอาไว้ให้ใช้ขายของเหมือนกันโดยมีฟังก์ชั่นต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นเช่น ให้ทีมงานช่วยตามแชทได้, Braodcast ที่สามารถส่งข้อความที่เดียวเห็นกันทั้งหมด, บัตรสะสมแต้ม ในการซื้อ , สร้าง Poll หรือ survey ฟังผลตอบรับจากลูกค้า และอื่นๆ
โดยที่ Line@ จะไม่เสียค่าโฆษณาแบบ Facebook ที่ต้องเลือกกลุ่มคน แล้วเลือกจำนวนเงินในการลงโฆษณาแต่ละครั้ง แต่ Line@ จะ broadcast ไปทีเดียว แล้วทุกคนที่ติดตามเราเห็นข้อความพร้อมๆ กัน แต่ว่าจะกำหนดจำนวนครั้งในการ Broadcast ในแต่ละเดือน ถ้าอยาก Braodcast ทีเดียวเยอะๆ ก็ต้องจ่ายค่ารายเดือนสูงขึ้น
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การใช้ Line@
- การ Broadcast เพื่อขายของ
- การสร้างคูปองสะสมแต้ม
- การสร้าง Poll
- การคุยแชทตอบลูกค้า
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับ 3 ก็คือ Instagram เพราะมีคนใช้ Instagram น้อยกว่า Facebook หรือ LINE ดังนั้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเราจึงยากกว่า แต่ว่าคนที่ใช้ Instagram จะเข้าถึงสินค้า Lifestyle เช่นเสื้อผ้า ท่องเที่ยว ได้ตรงกลุ่มกว่า ซึ่งการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใน Instagram แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ Organic หรือแบบไม่เสียเงินโดยการใช้ # Hashtag ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเรา และอีกแบบคือซื้อโฆษณา ซึ่งการซื้อโฆษณาใน Instagram ก็ต้องผ่าน Platform การซื้อโฆษณาของ Facebook แล้วเลือกการแสดงผลให้มี Instagram Ads ด้วย
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การใช้ Instagram for Business
- การศึกษาเรื่อง Hashtag
- การใช้ Facebook Page
- การโพสต์ขายของ โพสต์ยังไงให้น่าซื้อ
- การซื้อโฆษณา
- การคุยแชทตอบลูกค้า
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับ 4 คือ Shopee ที่เราให้ Shopee เป็น E-commerce Platform ตัวแรกของเรา เพราะ Shopee เป็น Platfor ที่ใช้ง่าย สมัครสมาชิกง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน แต่เนื่องจากเป็น Platform ที่ลงขายไม่ยาก จึงทำให้มีคนอยากขายของใน shoppee เยอะ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องจัดโปรโมชั่น หรือว่า เข้าร่วมแคมเปญต่างๆ ของ Shopee บ่อยๆ เพื่อให้คนหาร้านเราเจอนั่นเอง
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การเปิดหน้าร้านใน Shopee
- จัดโปรโมชั่น
- สร้างคูปองส่วนลด
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับ 5 คือ Lazada หรือ E-commerce Platform ที่ใหญ่มากของเมืองไทย แน่นอนว่าต้องมีการแข่งขันกันสูงแน่นอน เช่นเดียวกับ Shopee คือเราต้องคอยสร้างคูปองส่วนลด จัดโปรโมชั่นบ่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเรา หลังจากการขาย เราก็ต้องให้ลูกค้าช่วยรีวิวให้เรา เพื่อที่ร้านค้าเราจะน่าเชื่อถือมากขึ้น
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การเปิดหน้าร้านใน Lazada หรือ JD.com
- จัดโปรโมชั่น
- สร้างคูปองส่วนลด
- วิเคราะห์สถิติ
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับที่ 6 เริ่มแอดวานซ์แล้วมาอีกหน่อย คือการขายของลงใน E-commerce Platform ต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คล้ายๆ กับ Shopee และ Lazada แต่จะแอดวานซ์กว่าตรงที่จะมีอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ค่าส่งไปรษณีย์ไปต่างประเทศ และที่ยากกว่านั้นก็คือทำอย่างไรให้กลุ่มลูกค้าใน Amazon, Ebay และ Ali Express เข้าถึงร้านของเรา ซึ่งแต่ละที่ก็มีความยากและเทคนิคต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น การตอบลูกค้าเร็วๆ รีวิวดีๆ ราคาสินค้า และความแปลกของสินค้าเป็นต้น
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การเปิดหน้าร้านใน Amazon.com, Ebay.com และ Ali Express
- การจัดส่งของไปต่างประเทศ
- การเขียนบรรยายให้ละเอียด
- การคุยโต้ตอบกับลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษ
- การตั้งราคาให้พอเหมาะ
- วิเคราะห์สถิติ
อันดับต่อมาคือ Shopify.com เป็นบริการเปิดร้านค้าออนไลน์ที่มีรูปแบบของหน้าเว็บให้คุณเลือกสรรมากมาย จึงเหมาะกับผู้ที่กำลังคิดขายของออนไลน์แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์ ซึ่งเรามี Theme ต่างๆ ให้เราเลือกใช้ สะดวกต่อการทำเว็ปไซต์เอง มีระบบที่ช่วยทำให้หน้าเว็ปเราอยู่อันดับแรกๆ ใน Google และยังมีระบบเก็บเงินออนไลน์ผูกมากับหน้าเว็ปเราเลย ทำให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินได้สะดวก โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน
การขายของออนไลน์ผ่าน Shopify.com เราต้องหาวิธีที่ทำให้คนเข้ามาเว็ปไซต์เราให้เยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อโฆษณา Google Ads หรือ SEM (Search Engine Marketing)
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- การสร้างหน้าเว็ปผ่าน Shopify
- การเขียน content ในหน้าเว็ป
- การซื้อโฆษณา Google : SEM หรือ Search Engine Marketing
- การตอบลูกค้า
- วิเคราะห์สถิติ
สุดท้ายนี้ ช่องทางที่เราว่าโปรที่สุดในการขายของออนไลน์ คือการมีเว็ปไซต์เป็นของตัวเอง เพราะว่าต้องใช้หลาย Skill ตั้งแต่การสร้างเว็ปไซต์ให้มีดีไซน์น่าใช้ น่าเลือกซื้อสินค้า การทำระบบคุยกับลูกค้าหรือ CMS (Customer Management Service) การสร้างระบบการซื้อของออนไลน์ รวมไปถึงการจ่ายเงินออนไลน์ และที่ยากที่สุด คือการพาคนเข้ามาที่หน้าเว็ปเรา ทำอย่างไรให้คนเข้าหน้าเว็ปเรามากที่สุด ซึ่งอาจจะต้องรวมหลาย Skill ทั้งแต่การซื้อโฆษณาใน Social Media ต่างๆ หรือการซื้อโฆษณา Google ให้คนเข้าเว็ปมากขึ้น
Skill ที่จำเป็นต้องใช้
- Web Design
- การทำระบบจ่ายเงินออนไลน์
- การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization
- การซื้อโฆษณา Facebook และ Google Ads
- การทำระบบคุยกับลูกค้าหรือ CMS (Customer Management Service)
- วิเคราะห์สถิติ
การขายของออนไลน์ มีหลายช่องทาให้เลือกใช้ ซึ่งก็ต้องดูว่าเรามีเวลาให้การขายของของเราขนาดไหน และเราพร้อมที่จะเรียนรู้การทำอะไรใหม่ๆ เท่าไหร่ ถ้าคุณขายของออนไลน์อยู่แล้ว แล้วอยากพัฒนาธุรกิจให้ขายดี ขายปังมากขึ้นติดต่อเรา Domanda ได้เลย
เกี่ยวกับผู้เขียน
October 9, 2019